ตั้งแต่ที่โลกเรามีอินเตอร์เน็ตเข้ามา สิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไป ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงของประกันรถยนต์ที่ตลาดออนไลน์ได้เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งตลาด ทำให้การจะซื้อประกันรถยนต์ซักกรมธรรม์หนึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งยังช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้เอาประกันจะต้องพบเจอลงไปได้เยอะ
การซื้อสินค้าของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้คนมีทางเลือกเยอะขึ้น ทำให้ตัวแทนต้องปรับตัวตามให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วย
สำหรับในประเทศไทย ตัวเลขประกันรถยนต์ในเดือนกรกฎาคมปี 2562 มีเพียงแค่ 2,054 รายเท่านั้นที่ซื้อกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ คิดเป็นไม่ถึง 1% ของจำนวนประกันรถยนต์ทั้งหมด ตัวเลขนี้อาจดูน้อยนิด แต่ประกันออนไลน์กำลังเติบโตขึ้นทุกปีอย่างก้าวกระโดด ด้วยเทคโนโลยีและพฤติกรรมของคนที่กำลังเปลี่ยนไป
วันนี้ FairDee จะมาอธิบายให้พี่ๆ ตัวแทนเข้าใจว่าในเมื่อประกันออนไลน์เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในวงการประกันแล้ว สิ่งไหนบ้างที่พี่ๆ ตัวแทนจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ถ้าพร้อมแล้วตามไปอ่านบทความของเรากันเลย
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อลูกค้าที่ต้องการซื้อประกันกดเข้าไปในเว็บไซต์ประกันรถออนไลน์ สิ่งหนึ่งที่ลูกค้าจะเห็นก่อนเลยคือแพ็คเกจประกันภัยจากบริษัทประกันภัยหลายๆ เจ้า ซึ่งก็จะมาพร้อมกับราคา และข้อมูลพื้นฐาน เช่น ประเภทของกรมธรรม์นั้นๆ ว่าเป็นกรมธรรม์ประเภทไหน
เราเชื่อว่าตัวแทนน่าจะพอคุ้นภาพของเว็บประกันภัยออนไลน์กันมาบ้าง ซึ่งจากที่ FairDee เราได้ทำการสำรวจเว็บไซต์ประกันออนไลน์ในตลาดหลายๆ เจ้า เราก็พบว่าบนเว็บไซต์ออนไลน์นั้น แพ็คเกจที่อยู่บนเว็บไซต์ประกันภัยมีแทบจะครบทุกแพ็คเกจ ครบทุกประเภทประกัน ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการแพ็คเกจที่มาพร้อมกับการซ่อมอู่หรือซ่อมห้าง บนเว็บไซต์ก็จะมีให้เลือกหมด
เท่านั้นยังไม่พอ บนเว็บไซต์ต่างๆ เหล่านี้ยังมาพร้อมกับการส่งเสริมการขาย เช่น คูปองส่วนลดหรือบัตรเติมน้ำมัน ฯลฯ รวมไปถึงระบบผ่อน 0% ไม่เกิน 10 เดือน…
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ยังไม่มีจุดเด่นไหนที่โดดเด่นมากเท่าเรื่องราคา จากที่ FairDee เราสำรวจจะเห็นได้ว่าแพ็คเกจบนเว็บไซต์ประกันภัยจะนำเสนอแต่แพ็คเกจที่มีราคาถูกมากกกกกก
เมื่อเป็นอย่างนี้ FairDee เชื่อว่าพี่ๆ ตัวแทนคงจะเริ่มมีข้อสงสัยกันแล้วว่าในเมื่อประกันออนไลน์มีข้อดีขนาดนี้ ในฐานะตัวแทน เราจะรับมือกับประกันออนไลน์ยังไง?
ก่อนอื่นเลยเราอยากให้พี่ๆ ตัวแทนลองอ่านความเห็นชาวเน็ตข้างล่างกันก่อน
อย่างในช่วงต้น เราได้พูดไปแล้วถึงจุดแข็งของประกันภัยออนไลน์ ในส่วนนี้เราจะมาอธิบายให้ฟังกันว่าส่วนที่เราคิดว่าเป็นจุดแข็งอย่างเรื่องของราคาที่แสนถูกนั้น มันเป็นจุดแข็งจริงหรือไม่
ในส่วนของราคาเราจะพบว่าถึงราคาที่อยู่บนเว็บไซต์จะเป็นราคาที่ถูกมาก เพราะราคาบนเว็บเป็นราคาที่ติดค่าเสียหายส่วนแรก (พี่ๆ ตัวแทนคนไหนยังไม่ได้บทความเกี่ยวกับค่าเสียหายส่วนแรกของเรา สามารถกดเข้าไปอ่านที่นี่ได้เลย) ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกที่ใส่มานี้จะใส่มาในอัตราสูงสุดคือที่ 5,000 บาท นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมราคาเบี้ยประกันที่อยู่บนเว็บถึงเป็นราคาที่ถูกมาก ซึ่งการซื้อประกันภัยออนไลน์จะไม่มีการอธิบายในส่วนนี้ ทำให้ผู้ซื้อประกันไม่รู้ เมื่อลูกค้าไม่รู้ก็จะคิดว่าได้เบี้ยประกันในราคาถูกที่สุดไป ซึ่งลูกค้าจะไม่เจอกับปัญหาจนกว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เมื่อถึงตอนนั้นลูกค้าถึงจะได้รูู้ว่าประกันที่ตัวเองเลือกมานั้น จะต้องมีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก เทียบกับการซื้อประกันกับตัวแทนโดยตรง เมื่อเกิดปัญหา หรือมีข้อสงสัย ลูกค้าจะยังสามารถสอบถามได้โดยตรง หรือจะต่อรองเบี้ยให้ถูกลงก็ยังสามารถทำได้ด้วยการสอบถามกับตัวแทน ซึ่งตัวแทนจะช่วยอธิบายด้วยว่าสิ่งที่ทำให้ค่าเบี้ยถูกลงได้นั้น มีอะไรบ้าง และเมื่อเลือกไปแล้ว ลูกค้าจะต้องเจอกับอะไรบ้างเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เบี้ยออนไลน์ถูกลงไปอีก นั่นคือการใส่ชื่อผู้ขับขี่ คือในการซื้อกรมธรรม์ฉบับหนึ่ง หากมีการใส่ชื่อผู้ขับขี่จะยิ่งทำให้เบี้ยประกันราคาถูกลงไปอีก ซึ่งนี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาเบี้ยที่โชว์บนเว็บมีราคาถูกลงไปอีก
แน่นอนว่าการซื้อกรมธรรม์ซักฉบับ สิ่งหนึ่งที่คนจะให้ความสนใจไม่ใช่แค่เรื่องของราคาเบี้ยเท่านั้น เรื่องของบริการหลังการขายก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คนให้ความสนใจไม่แพ้กัน
ในส่วนของการบริการฝั่งประกันภัยออนไลน์ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วผู้เอาประกันมีความจำเป็นต้องติดต่อบริษัทประกันภัย การบริการที่คุณจะได้รับจากประกันภัยออนไลน์คือเบอร์ของบริษัทประกันเพื่อให้ผู้เอาประกันภัยไปติดต่อเองอีกที ซึ่งหากซื้อประกันชั้นหนึ่งแล้วพอเกิดปัญหาแล้วลูกค้ายังต้องมานั่งทำเรื่องเองทั้งหมดก็คงไม่ใช่อะไรที่น่าพอใจแน่ๆ
นอกจากนั้น ในแง่ของการติดต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีที่คุณต้องการเคลมหรือสอบถามปัญหาต่างๆ สิ่งที่ลูกค้าของคุณจะต้องเจออย่างแน่นอนเลยคือโปรแกรมตอบโต้อัตโนมัติ ซึ่งหากเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ การมานั่งคุยกับหุ่นยนต์ กว่าจะได้คำตอบจริงๆ ผู้เอาประกันต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมงแน่ๆ ซึ่งจุดนี้หากเทียบกับการซื้อประกันภัยกับตัวแทน ลูกค้าจะยังรู้ว่าเมื่อเกิดปัญหา จะต้องไปติดต่อที่ใคร
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าบางส่วนไม่เชื่อในการซื้อประกันภัยออนไลน์ เพราะการซื้อประกันแต่ละครั้ง เงินที่เสียไปไม่ใช่ถูกๆ ยิ่งการที่จะไปซื้อกับออนไลน์ที่ดูไม่มีหลักแหล่งแน่นอน ไม่มีตัวตนชัดเจน หรือเกิดปัญหาแล้วไม่รู้จะติดต่อใครก็ดูจะเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักเข้าไปอีก
จริงอยู่ที่ว่าการซื้อประกันเป็นการขายกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับลูกค้า และสิ่งที่ลูกค้าต้องการก็คือการบริการที่ดี ความใส่ใจ และมั่นใจว่าถ้าทำประกันจ่ายค่าเบี้ยไปแล้วจะได้รับการบริการที่ดีครอบคลุม เวลาเกิดเหตุก็มีคนที่พร้อมจัดการปัญหาให้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่จ่ายเบี้ยในราคาถูกแต่ต้องมานั่งรอเคลมประกันเป็นชั่วโมงๆ
การบริการที่ดี รวดเร็วและเอาใจใส่จะช่วยให้เรารักษาฐานลูกค้าและเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว ไม่ใช่แค่ขายกรมธรรม์เดียวแล้วจบ สิ่งหนึ่งที่ตัวแทนควรจะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจอยากใช้บริการกับเราไปนานๆ ยิ่งถ้าตัวแทนรุ่นใหม่รู้จักใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยให้เกิดประโยชน์ ก็จะยิ่งสามารถเพิ่มช่องทางในการขาย ช่องทางที่จะสื่อสาร และแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ตลอดเวลา
เชื่อว่าเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้กันแล้ว พี่ๆ ตัวแทนน่าจะเห็นภาพกันมากขึ้นว่าเราจะปรับตัวอย่างไรในตลาดปัจจุบันที่เกิดจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และลูกค้ามีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น ทำให้พี่ๆ ตัวแทนต้องปรับตัวอย่างหนัก ซึ่ง FairDee เราเองก็เข้าใจถึงปัญหาในส่วนนี้ เราจึงพยายามที่จะช่วยให้ตัวแทนทำงานง่ายขึ้น และสำหรับตัวแทนที่ยังมีข้อสงสัย หรือไม่มั่นใจ อยากสอบถามเพิ่มเติม สามารถโทรเข้ามาที่ 02-491-5098 ได้เลย รับรองว่าเจ้าหน้าที่ FairDee ยินดีตอบทุกปัญหาเกี่ยวกับประกันภัยอย่างแน่นอน