10 เรื่องต้องเช็ครถยนต์ก่อนเดินทาง เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัย
หลายๆ คนมีแผนเดินทางไปท่องเที่ยว หรือเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัวในช่วงหยุดยาวนี้ ซึ่งการเดินทางส่วนใหญ่มักจะใช้รถยนต์เป็นหลัก และเพื่อไปถึงยังจุดหมายได้อย่างมั่นใจ และลดการเกิดเหตุไม่คาดฝัน เราจึงต้องตรวจเช็ครถยนต์ก่อนออกเดินทางให้เรียบร้อย เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยนั่นเอง เราตามแฟร์ดีไปตรวจ 10 เช็คลิสและเตรียมตัวก่อนออกเดินทางไกลกันเลยดีกว่า >>
1. เช็กล้อและลมยาง
ล้อและยางรถยนต์ช่วยในการยึดเกาะถนน รีดน้ำ และรักษาการควบคุมรถ ฉะนั้นก่อนเดินทางไกลควรหมั่นเช็คและเติมลมยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยการเติมลมยางควรเป็นไปตามคำแนะนำของรถในแต่ละรุ่น ซึ่งที่บริเวณข้างประตูของรถยนต์แต่ละรุ่นก็มีระบุไว้แล้วอย่างชัดเจน พร้อมตรวจสภาพดอกยางรถยนต์โดยรวม คือ ความดันลมยาง รอยแตกของยาง และความลึกของดอกยาง ให้เหมาะสม ไม่รั่วซึม ไม่มีรอยฉีกขาด หรือรอยแตก ไม่เพียงจะให้ความปลอดภัยในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันอีกด้วย
ตรวจเช็กแรงดันลมยาง ควรมีแรงดันลมยางตามความเหมาะสมของรถแต่ละประเภท หรือตามค่ากำหนดที่รถระบุ
– รถเก๋งทั่วไป ควรมีแรงดันลมยาง 30 – 32 PSI
– รถกระบะ ควรมีแรงดันลมยาง 36 – 38 PSI
2. ถุงลมนิรภัย
ถุงลมนิรภัยเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ช่วยชีวิตสำคัญเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งตามที่มีข่าวการเรียกคืนรถยนต์ทุกคันที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยยี่ห้อทาคาตะซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ปลอดภัย โดยตอนนนี้ เหลือรถกว่า 670,000 คัน ทาง สคบ. จึงได้ผลักดันให้ผู้บริโภคเข้าเปลี่ยนถุงลมใหม่เพื่อความปลอดภัย โดยสามารถตรวจสอบรุ่นรถยนต์ว่าเข้าข่ายต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัยหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ที่ https://www.tcc.or.th/warning-airbag/ หรือ www.checkairbag.com หรือนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการทุกสาขา หรือติดต่อผ่านฝ่ายบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Call Center) ของแต่ละบริษัทรถยนต์ หรือติดต่อสายด่วน 1584 เพื่อสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
3. แบตเตอรี่รถยนต์
การสตาร์ทเครื่องยนต์ต้องอาศัยแบตเตอรี่ และเป็นตัวจ่ายไฟฟ้าให้รถยนต์ทั้งระบบ จึงควรตรวจดูสภาพโดยรวมของแบตเตอรี่ให้แน่ใจว่ายังใช้งานได้ดี (ไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำ แบบแห้ง และแบบกึ่งแห้ง) และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ รวมถึงตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด เพื่อเฝ้าระวังการเสื่อมของแบตเตอรี่ และลองตรวจเช็คให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งาน หากเริ่มสตาร์ทติดยาก แบตเตอรี่อาจหมดอายุการใช้งานจึงควรทำการเปลี่ยนได้แล้ว (โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี)
4. น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องเป็นตัวช่วยหล่อลื่นให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จึงควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยสามาถตรวจเช็คได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง โดยให้สังเกตแถบน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่บนก้านวัด ควรอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min แต่ถ้ามากหรือน้อยเกินไปควรเติมหรือลดน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับปกติ และสิ่งสำคัญที่ห้ามละเลยเด็ดขาด คือควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเมื่อถึงระยะที่กำหนด
5. หม้อน้ำ
เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่เราต้องคอยตรวจเช็คอยู่เสมอเช่นกัน เพราะการขับรถยนต์นานๆ จะทำให้เกิดเครื่องร้อนมากๆได้ ถ้าหากหม้อน้ำมีน้ำอยู่น้อย จะสามารถเกิดความเสียหายร้ายแรงกับเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นควรหมั่นสังเกตอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นการสังเกตเกจ์วัดระดับความร้อนที่หน้าปัด หรือระดับน้ำในหม้อพักน้ำ ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ถูกต้องหรือไม่
6. ระบบเบรก
ระบบเบรกเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการหยุดรถ ลดความเร็ว หรือเวลาเปลี่ยนเกียร์ก็ตาม ฉะนั้นก่อนออกรถเดินทางไกล ควรสังเกตผ้าเบรกและเสียงเบรกให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ปกติ เพราะถ้าเบรกมีสภาพไม่สมบูรณ์อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยวิธีเช็ค คือ เหยียบเบรก แล้วฟังว่ามีเสียงดังผิดปกติหรือไม่ หากมีแสดงว่าผ้าเบรกอาจมีปัญหา ควรรีบนำรถยนต์ไปศูนย์หรืออู่เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุพร้อมแก้ไขในทันที
7. ระบบไฟส่องสว่าง
เช็คระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณไฟ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง สำคัญมากต่อการขับขี่โดยเฉพาะขับขี่ในช่วงกลางคืน ควรเช็คไฟเตือนต่าง ๆ เช่น ไฟเบรค, ไฟหน้า-ท้าย, ไฟเลี้ยว, ไฟฉุกเฉิน, ไฟตัดหมอก ต้องสามารถใช้งานได้ปกติ หากมีการแจ้งเตือนหรือพบว่ามีไฟส่วนไหนไม่ติด ควรมีการเปลี่ยนก่อนออกเดินทาง
8. ยางปัดน้ำฝน
ตัวปัดน้ำฝนตัวช่วยเรื่องทัศนวิสัยขณะขับรถที่หลายๆคนไม่ได้ใส่ใจในส่วนนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการควบคุมรถอย่างปลอดภัย เพราะสภาพอากาศ เราคาดเดาได้ยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝน เราจึงควรเช็คดูว่ายางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพหรือสามารถรีดน้ำได้ดีหรอไม่ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และทำให้สามารถกวาดน้ำบนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. เช็กกล้องบันทึกภาพ
ตรวจเช็กความปกติในการทำงาน ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ทั้งเลนส์กล้อง, องศาในการติดตั้งกล้อง เช็กวิดิโอย้อนหลัง ต้องเป็นไฟล์ขับขี่ล่าสุด พร้อมตรวจเช็กระบบการชาร์จของรถ การจ่ายไฟให้ตัวกล้องต้องทำงานปกติ วันที่ และเวลา ต้องตรงกับปัจจุบัน
10. ทำประกันรถยนต์
อย่าลืม! ทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ พร้อม พ.ร.บ. เมื่อมีประกันรถยนต์ไว้อุ่นใจกว่า พิเศษ #ประกันรถยนต์ที่แฟร์ดี มีประกันหลากหลายให้คุณเลือก (ประกันรถยนต์ชั้น1, 2+, 3+, 3) ตอบโจทย์ตามความต้องการที่เหมาะสม เพื่อการคุ้มครองทั้งคนทั้งรถให้ปลอดภัย และได้รับความคุ้มครองได้ทันที เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทางทุกอย่างต้องครบ ที่สำคัญเป็นการป้องกันตัวเราและรถของเราด้วย
“คนพร้อม รถพร้อม ก็ออกเดินทางได้อย่างมั่นใจ” ขับขี่ปลอดภัย ด้วยความห่วงใยจากแฟร์ดี โบรกเกอร์ ประกันภัย นะครับ
#เพราะเราแฟร์และแคร์คุณ