ทำผิดกฏหมายจราจร

ประกันชดใช้ให้ไหม ?

เชื่อว่าสิ่งที่หลาย ๆ คนสงสัย คือ ถ้าจอดรถในที่ห้ามจอดแบบนี้ แล้วบังเอิญแจ๊คพอตแตก เกิดอุบัติเหตุโดนชนเข้าล่ะ ประกันจะจ่ายมั้ย เราจะตอบให้คุณเข้าใจง่าย แบบเคลียร์ข้อสงสัยในประเด็นนี้ให้ฟังครับ

โดยหากเกิดอุบัติเหตุในกรณีดังกล่าว ประกันให้ความคุ้มครอง   ซึ่งประกันของรถคู่กรณีจะต้องเป็นฝ่ายจ่ายชดเชยให้กับรถคันที่ถูกชน แม้ว่ารถคันดังกล่าวจะอยู่ในที่ห้ามจอดก็ตาม !

เรื่องนี้ต้องแยกเป็น 2 ประเด็นนะครับ เพราะจริงอยู่ว่าการจอดรถในที่ห้ามจอดนั้นเป็นเรื่องผิด แต่คู่กรณีก็ไม่มีสิทธิ์ไปชนให้เค้าเสียทรัพย์ ดังนั้น เมื่อทรัพย์สินเสียหาย ประกันของคู่กรณีก็ต้องจ่ายสินไหมให้กับรถที่ถูกชน

ส่วนในเรื่องการจอดรถในที่ห้ามจอดนั้น เป็นการทำผิดกฎหมายจราจร ต้องไปเปรียบเทียบปรับกับเจ้าหน้าที่ตำรจตามปกตินั่นเอง

ขอมาสรุปแบบสั้นๆเลย

ว่าคนที่ต้องรับผิดชอบนั่นก็คือ รถยนต์ที่เป็นคนขับรถพุ่งเข้ามาชน เพราะถือว่าคนที่ขับรถยนต์มาชนนั้นไม่มีความระมัดระวังหรือประมาทเอง แถมยังยาวไปจนถึงเรื่องที่ทำลายทรัพย์สินอีกด้วย

แล้วรถที่จอดในที่ห้ามจอดไม่มีความผิดเลยเหรอ

มีครับ แต่เป็นความผิดทางเรื่องของกฏหมายจราจรแทน การที่มีป้ายเตือนว่าห้ามจอดนั้น แน่นอนว่ารถที่จอดอยู่นั้นต้องได้เสียค่าปรับแน่นอน แต่ว่าจะไม่มีความผิดทางด้านของอุบัติเหตุนะครับ

เปลี่ยนพฤติกรรมในการขับรถยนต์ เพื่อลดอุบัติเหตุ

1. หยุดเล่นมือถือ หรือการที่คุณนั้นหันไปดูมือถือบ่อยๆ ณ ปัจจุบัน เรื่องนี้เป็นเรื่องหรือสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เพราะแบบนี้แล้วคุณควรจะหยุดเล่นมือถือในช่วงขับรถยนต์
2. ดื่มไม่ขับ หากว่าวันนี้คุณรู้ตัวเองดีว่ามีนัดดื่มกับเพื่อน ๆ แถมคุณยังเป็นคนขับรถยนต์เองซะด้วย เพราะฉะนั้นควรที่จะกลับแท็กซี่หรือว่างดดื่มไปเลยจะดีกว่าเพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุ
3. มีสติ ก่อนสตาร์ท

ทุกครั้งที่คุณจะขับรถยนต์ไปบนท้องถนน ควรคำนึงว่ารถยนต์ที่ขับผ่านเราไปนั้น ถูกขับโดยผู้คนซึ่งแต่ละคนนั้นมีความคิด ความประมาท ไม่เหมือนกัน การที่คุณขับรถไปดูวิวไป อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

*เป็นความรู้ที่คนขับรถยนต์ส่วนใหญ่นั้นควรที่จะทำการเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่ามากเพื่อเป็นความรู้รอบตัว เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง ๆ จะได้ไม่ต้องกลัว และสามารถต่อรองกับคู่กรณีให้ใจเย็นลง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ประกันนั้นจะมาถึงที่เกิดเหตุ สิ่งที่แนะนำอีกอย่างก็คือ ต้องมีสติ อย่าใช่อารมณ์ในการต่อรอง และไม่ควรรับปากกันแบบสองต่อสอง จนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึง