การเลือกซื้อประกัน… นั้นมีช่องทางให้เลือกซื้อมากมาย แต่ช่องทางที่สะดวกและเป็นที่นิยมคือการซื้อผ่านตัวแทนขายประกันของบริษัทนั้นๆ ถึงแม้ว่าลูกค้าจะเลือกซื้อผ่านช่องทางนี้กันอย่างแผล่หลาย แต่ตัวแทนบางคนก็ยังเอาเปรียบลูกค้าด้วยการเสนอแผนประกันตามใจตัวเอง สนใจแต่ผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจความต้องการของลูกค้า และนำมาซึ่งผลเสียต่อผู้เอาประกัน เพื่อนร่วมอาชีพ รวมไปถึงภาพลักษณ์ของบริษัทที่ตัวแทนท่านนั้นสังกัด
ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำลักษณะของตัวแทนที่ดีมีคุณภาพ เพื่อที่ตัวแทนจะปรับใช้ และลูกค้าสามารถเลือกตัวแทนที่มีคุณภาพให้กับตัวเองได้
1.ซื่อสัตย์ และจริงใจ
→ คุณสมบัติแรกที่ตัวแทนที่ดีควรจะมีคือความซื่อสัตย์และจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่กลับคำพูด หรือพูดอะไรเกินความเป็นจริง ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าเข้าใจผิด และคาดหวังที่จะได้รับผลประโยชน์ตามที่ตัวแทนได้บอกไว้ กว่าลูกค้าจะรู้ตัว ตัวแทนก็หายไปไกลแล้ว ทำให้ลูกค้าเสียผลประโยชน์ บริษัทเสียชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือได้ ถ้าเราซื่อสัตย์และจริงใจ ยังไงลูกค้าก็อยู่กับเรา
2. คำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นอันดับแรก
→ สินค้าประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นประกันรถ ประกันชีวิต หรือประกันอื่นๆ ลูกค้าซื้อสินค้าเหล่านี้เพราะต้องการใครสักคนที่จะมารับประกันความเสี่ยงที่เขาต้องพบเจอในแต่ละวัน การที่ลูกค้าจะเลือกสักบริษัทมาเป็นผู้รับประกัน ลูกค้าต้องวางใจและเชื่อใจ ดังนั้นเลยเป็นหน้าที่ของตัวแทนในการแนะนำแบบประกันที่เหมาะสมกับลูกค้าที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดที่ลูกค้าสามารถได้รับภายใต้ข้อจำกัดของบริษัทและตัวลูกค้าเอง
3.คอยให้คำปรึกษาลูกค้าตลอด ไม่เงียบหาย
→ หลังจากลูกค้าได้เลือกไว้วางใจเราและบริษัทในการดูแลและเป็นที่ปรึกษา เราก็ควรจะรับผิดชอบงานของเราด้วยการพร้อมช่วยเหลือลูกค้าตลอดเวลา เพราะคงไม่มีใครรู้เรื่องประกันดีเท่าตัวแทนอีกแล้ว อย่าทิ้งลูกค้าให้แก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะลูกค้าไม่ได้ซื้อแค่ประกัน แต่ซื้อความเชื่อใจว่าเราจะดูแลเขาและการบริการที่เราสามารถให้เขาได้ตลอด
4.มีไหวพริบและความรู้รอบตัว
→ อย่างที่เราทราบกันดีว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ตัวแทนต้องพร้อมรับมือ และมีสติในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เลือกที่จะติดต่อตัวแทนประกันเป็นอันดับแรกเวลาเกิดปัญหาขึ้น เราจึงควรมีความรู้เรื่องทั่วไปให้ได้มากๆ เพื่อที่เราจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ลูกค้าจะรู้สึกอุ่นใจและวางใจในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
5.พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา
→ โลกของเราหมุนไปทุกวัน นั่นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี บริษัทส่วนใหญ่นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนนึงในกระบวนการ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนเรากรอกข้อมูลส่วนตัวใส่กระดาษและตัวแทนนำส่งเข้าบริษัทเพื่อรออนุมัติ แต่เดี๋ยวนี้ เราสามารถกรอกข้อมูลบนไอแพดและกดส่งได้ทันที ตัวแทนที่ตื่นตัวและพร้อมพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด จะได้ประโยน์จากความสะดวกนี้ก่อนตัวแทนที่ไม่กระตือรือร้น บวกกับทุกวันนี้มีการแข่งขันสูง ตัวแทนที่ไม่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะอยู่ในอาชีพนี้ได้อย่างยากลำบากขึ้น การที่เรามีความรู้ที่อัพเดตตลอดเวลา นั่นทำให้เราเป็นตัวแทนที่น่าไว้วางใจและน่าเชื่อถือมากขึ้น
6.มีความรู้เรื่องประกันและการเคลมเป็นอย่างดี
→ ตัวแทนที่ดีควรจะมีความรู้เรื่องการประกันเป็นอย่างดีที่เกิดจากการเรียนรู้และประสบการณ์ เช่น หากเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์เสียหาย อู่รถไหนสามารถซ่อมให้ลูกค้าได้ไวและมีคุณภาพ หรืออู่รถใกล้บ้านลูกค้ามีตรงไหนบ้าง ระยะเวลาในการเคลม เอกสารที่ต้องใช้ รายละเอียดเล็กๆที่เราสามารถบริการและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้ ก็จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจ
หลังจากได้อ่านบทความไปแล้ว จะสังเกตได้ว่าส่วนใหญ๋แล้วมันเป็นพื้นฐานที่ทุกคนควรจะมีไม่ว่าจะทำงานแบบไหน เพื่อความน่าไว้วางใจของตัวเราเอง การที่ตัวแทนมีลักษณะแบบที่กล่าวข้างต้น จะทำให้ประกันเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ และเห็นความสำคัญของการมีประกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันอะไรก็ตาม ทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์ ทั้งตัวเราที่มีลูกค้าไว้ใจ ตัวลูกค้าที่มีตัวแทนมีความรู้คอยดูแล และตัวบริษัทที่มีตัวแทนมีคุณภาพอยู่ในสังกัด
เมื่อได้ทราบแล้วว่าควรเลือกตัวแทนท่านไหนเป็นคนดูแลคุณและรถ ขั้นตอนต่อไปก็เลือกแบบประกันที่ท่านสนใจมาปรึกษาตัวแทนขายประกันรถยนต์แฟร์ดี เพื่อตัวท่านเองจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากสินค้าประกัน
หรือหากยังไม่สามารถเลือกแบบประกันได้ สามารถติดต่อสอบถามกับตัวแทนของ FairDee ทั่วประเทศ ให้ช่วยดูแลเรื่องประกันรถยนต์ให้คุณ ทราบราคาประกันทันที บริษัทของเรามั่นใจอย่างยิ่งว่าตัวแทนของเราจะบริการลูกค้าทุกท่านอย่างมืออาชีพ เพราะ #FairDeeแฟร์และแคร์คุณ